Hocus Pocus 2 ภาพยนตร์แฟนตาซีคอมเมดี้จากค่ายดิสนีย์ ภาคต่อของเรื่อง Hocus Pocus ตั้งแต่ปี 1993 ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเล่าเรื่องราวกันใหม่อีกครั้ง โดยในภาคนี้สามพี่น้องแม่มดแซนเดอร์สันได้ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งในคืนฮาโลวีน ซึ่งพวกเธอต้องหาทางดื่มเลือดเด็กให้ได้ 100 คน เพื่อคืนชีพให้กับสามีที่ตายไปแล้วกลับมาอีกครั้ง ผลงานกำกับโดย Anne Fletcher นำแสดงโดย Bette Midler, Sarah Jessica Parker และ Kathy Najimy
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อสามพี่น้องแม่มดแซนเดอร์สัน ได้แก่ วิลลา (แสดงโดย Bette Midler) แม็กกี้ (แสดงโดย Sarah Jessica Parker) และมินดี้ (แสดงโดย Kathy Najimy) ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งในคืนฮาโลวีน และพวกเธอต้องหาทางดื่มเลือดเด็กให้ได้ 100 คน เพื่อคืนชีพให้กับสามีที่ตายไปแล้ว โดยในระหว่างทางพวกเธอได้พบกับสามวัยรุ่นสาว ได้แก่ แม็กกี้ (แสดงโดย Whitney Peak) ไบรลีย์ (แสดงโดย Belissa Escobedo) และ แคสซี่ (แสดงโดย Lovie Simone) สามวัยรุ่นสาวเหล่านี้เป็นแฟนตัวยงของสามพี่น้องแม่มดแซนเดอร์สัน พวกเธอจึงร่วมมือกันเพื่อหยุดยั้งแผนการของแม่มดแซนเดอร์สันให้จงได้ก่อนที่จะทำแผนการได้สำเร็จ
สำหรับ Hocus Pocus ในภาคนี้ก็ยังคงความสนุก ความอบอุ่น และความคลาสสิกของภาคแรกไว้ได้เช่นเคย โดยเฉพาะนักแสดงทั้งสามคนยังคงเล่นบทฮาๆ ได้อย่างดี ฉากต่างๆ ก็สวยงามด้วยงานภาพซีจีต่างๆ ที่จัดเต็มตามสไตล์ของดิสนีย์ ตัวละครที่โดดเด่นและคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนจากเหล่าแม่มดหลากหลายสไตล์มีนิสัยแตกต่างกัน หรือด้านความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครที่ทำออกมาได้ซาบซึ้งใจมากๆ สามพี่น้องแม่มดแซนเดอร์สันได้เรียนรู้ที่จะรักและยอมรับกันอีกครั้ง ขณะเดียวกัน สามวัยรุ่นสาวก็ได้เรียนรู้ที่จะยอมรับความแตกต่างและความหลากหลาย
ความคลาสสิกเรื่องนี้ต้องบอกว่ามาจากองค์ประกอบต่างๆ ที่ยังคงรักษาไว้จากภาคแรก ไม่ว่าจะเป็นฉากฮาโลวีนที่เต็มไปด้วยฉากสีสันดีมาก ความน่าตื่นเต้น บวกกับเพลงประกอบ ที่สำคัญต้องยกให้กับมุกตลกที่ยังคงความคลาสสิกเหมือนกับภาคต้นฉบับได้ดีเหมือนเดิม โดยในภาคนี้ที่เพิ่มมาคือการพูดถึงประเด็นเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ อย่างตัวละครหลัก ไบรลีย์ สาวน้อยข้ามเพศที่ได้นำเสนอตัวละครนี้อย่างให้เกียรติอีกด้วย หรือการให้ความสำคัญของครอบครัว ที่ให้เราได้เห็นว่าไม่ว่าจะมีความแตกต่างกันอย่างไร ครอบครัวก็ควรที่จะรักและยอมรับกันเสมอ
สำหรับผู้ชมที่ชื่นชอบ Hocus Pocus มาตั้งแต่ภาคแรกแล้วก็น่าจะชื่นชอบเรื่องราวในภาคนี้ด้วยเช่นกัน แถมยังได้เห็นการเล่าเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงใหม่ซึ่งอิงไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปกว่า 30 ปี แล้ว อย่างการใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อติดต่อกับวิญญาณ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากขึ้นจนสามารถทำอะไรแบบนี้ได้แล้ว แต่อย่างไรก็ตามอาจจะไม่เหมาะกับผู้ชมที่คาดหวังความแปลกใหม่แบบว้าวอะไรมากนัก เพราะเรื่องนี้ยังคงดำเนินไปตามสูตรสำเร็จของภาพยนตร์แนวตลกแฟนตาซีทั่วไปไม่ต่างจากเรื่องอื่นเท่าไร
โดยรวมก็เป็น Hocus Pocus ในเวอร์ชั่นที่ใหม่ขึ้น ทันสมัยขึ้น เรื่องราวที่สนุกน่าติดตามขึ้น ภาพฟิล์มที่คมชัดสวยงามขึ้นจริงๆ มีสไตล์การเล่าเรื่องราวและพล็อตที่คลาสสิคเหมือนเช่นเคย ส่วนเนื้อหาก็ทันกับสังคมยุคนี้มากขึ้นอีกด้วย อีกหนึ่งหนังสไตล์แฟนตาซีที่สนุก มันส์ และความฮาช่วยเรียกเสียงหัวเราะของผู้รับชมได้ตลอดทั้งเรื่องจริงๆ คอหนังต้องลองมาติดตามรับชมกัน